Disruptive Technology Trend 2021
มีการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2021 จากบริษัท เอ็นทีที จำกัด (NTT Ltd.) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก โดยคาดว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโลก ยิ่งมีวิกฤติ Covid-19 ยิ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมมากขึ้น เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจได้ตระหนักถึงความปลอดภัย สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
ทาง NTT Ltd. เชื่อว่ามี Disruptive Technology Trend ที่สำคัญทั้งหมด 5 ด้าน ด้านแรกได้แก่ All-photonics networks (APNs) ที่มีความสามารถในการช่วยขับเคลื่อนการสื่อสารทั่วโลก APN จะเปิดใช้งานการส่งข้อมูลแบบ end-to-end ระหว่างเทอร์มินัลและเซิร์ฟเวอร์และจะช่วยให้เราสามารถดำเนินการในสภาพแวดล้อมการสื่อสารที่ยั่งยืนโดยใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ ด้านที่สองคือ Cognitive Foundation (CF) เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเชื่อมต่อและควบคุมทุกอย่าง โดยการจัดการแบบรวมศูนย์และการจัดสรรทรัพยากรไอซีทีที่รวดเร็วจะช่วยให้สามารถรวบรวมและตรวจจับข้อมูลต่าง ๆ ทั้ง เสียง วิดีโอ หรือรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ Internet of Things (IoT) ได้ดีมากขึ้น
ต่อไปคือด้านที่สาม Digital twin computing (DTC) ทำให้สามารถวิเคราะห์เชิงคาดการณ์โดยการผสานรวมการทำงานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนจริง DTC จะทดสอบสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันโดยการคัดลอกข้อมูลอย่างอิสระ การรวมและแลกเปลี่ยนการสร้างแบบจำลองเสมือนทางดิจิทัล (digital twins) ของ “สิ่งต่างๆ (things)” และผู้คน โดยข้อมูลดังกล่าวจะรวมอยู่ในแอพพลิเคชั่น เช่น ระบบวิเคราะห์ด้านการจราจร และระบบที่สามารถคาดการณ์ในด้านการควบคุมโรคได้อย่างแม่นยำ ด้านที่สี่คือ วิวัฒนาการของ ‘citizen developer’ และระบบอัตโนมัติของกระบวนการหุ่นยนต์จะพลิกโฉมธุรกิจ Low-code /no-code แพลตฟอร์มสร้างเพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจโดยใช้ข้อมูลบริษัทของตน ซึ่งจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญสำหรับธุรกิจ นอกจากนี้แนวทาง “citizen developer” ยังใช้ระบบอัตโนมัติของกระบวนการหุ่นยนต์เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจบางอย่างเป็นไปได้โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้พนักงานได้ใช้เวลากับงานที่มีมูลค่าที่สูงกว่า และด้านสุดท้ายคือการประมวลผลแบบควอนตัม (Quantum) และ เอดจ์ (Edge) จะนำไปสู่ยุคใหม่ของการประมวลผล งานด้านการคำนวณสามารถทำได้ในพื้นที่รอบนอกได้มากขึ้น แทนที่จะอยู่บนคลาวด์ส่วนกลางเพียงแห่งเดียวซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการคำนวณ ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ระบบการมองเห็นของรถยนต์จะสามารถดำเนินการและจดจำภาพได้ทันทีแทนที่จะส่งข้อมูลนั้นไปยังระบบคลาวด์เพื่อตรวจสอบก่อน
ขณะที่ Disruptive Technology กำลังพลิกผันอย่างไร้ขอบเขต ในระยะเวลาอันใกล้นี้แนวโน้มดังกล่าวจะผลักดันให้เกิดความจำเป็นในการทรานส์ฟอร์มทางดิจิทัลเช่นกัน Disruptive Technology จะช่วยให้ธุรกิจให้บริการดีกว่าเดิม มีการเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น รวมถึงให้ประสบการณ์เชิงบวกกับลูกค้าและพนักงานได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย