AI และ Machine learning
AI เป็นประเด็นระดับโลกที่เหล่ามหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน หรือแม้กระทั่งรัสเซีย ต่างแย่งชิงบทบาท ความเป็นผู้นำในด้านนี้ และถูกยกให้มีความสำคัญไม่แพ้ในยุคที่มีการแก่งแย่งกันเพื่อความเป็นผู้นำด้านการสำรวจอวกาศ เรียกได้ว่าใครเป็นผู้นำด้าน AI ก็จะเป็นผู้นำโลกยุคต่อไปโดยปริยาย
เรื่องของ AI เริ่มกลายเป็นประเด็นสำคัญบนเวทีการเมืองระดับชาติ เมื่อประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้พูดให้นักเรียนในรัสเซียฟัง ในวันเปิดภาคเรียนของโรงเรียนทั่วประเทศ ว่า AI คือ อนาคตของมนุษยชาติ ที่สร้างโอกาสมหาศาลในอนาคต ใครที่เป็นผู้นำด้าน AI จะเป็นผู้นำของโลกอนาคต และรัสเซียก็พร้อมที่จะทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองในด้านนี้อย่างเต็มที่ ในขณะที่จีน มหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก ถึงกับใส่เรื่องของ AI ลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ว่าจีน จะต้องเป็นผู้นำด้าน AI ของโลกให้ได้ภายในปี 2030 โดยจะผลักดันบริษัท startup และสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยด้านนี้ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อย่างเต็มที่
AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเหมือนสมองที่แทรกอยู่ในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นสามารถทำงาน วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีคนควบคุม
Machine Learning คือมันสมองของ AI เป็นส่วนของการเรียนรู้ให้ AI สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้ฉลาดกว่าเดิม เช่น หุ่นยนต์ที่ชนะการแข่งเล่นโกะกับแชมป์โกะโลกที่เป็นคนจริง ก็เป็นผลผลิตจากเทคโนโลยีนี้
ในหลาย ๆ ธุรกิจได้นำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะในแวดวง Marketing ทั้งในแง่ก็การวิเคราะห์ข้อมูล หาส่วนแบ่งทางการตลาด การแก้ไขปัญหา และคาดเดาความน่าจะเป็นในอนาคต AI และ Machine Learning เป็นเทคโนโลยีที่คนที่ทำงานในสายมาร์เกตติ้งควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ผู้นำด้าน AI ของโลกในยุคนี้ คือ สหรัฐอเมริกา ด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีในซิลิกอนวัลเล่ย์ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจตอนนี้ร่วมกับฐานผู้ใช้จากทั้ง Google และ Facebook ทั่วทั้งโลกกว่า 2,000 ล้านคน และมีผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS และ Android อีกกว่าพันล้านคน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกายังคงความเป็นมหาอำนาจด้านนี้ต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ เช่น Google เป็นบริษัทที่มีจำนวนข้อมูลมหาศาลในมือ พร้อมกับเม็ดเงินการลงทุนอีกนับไม่ถ้วน และที่สำคัญ เหล่าหัวกะทิระดับโลกด้าน AI ล้วนทำงานอยู่ที่นี่ ทำให้ Google เป็นบริษัทอันดับ 1 ของโลกด้าน AI อย่างไม่มีใครเทียบได้ หรือ Facebook ที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาด้าน AI มาก มีการตั้ง Lab ที่วิจัยด้าน AI 3 แห่ง หัวข้อที่ทาง Facebook เน้นเป็นหลัก คือ เรื่องของ AI ด้านภาษา ที่ช่วยให้ระบบ เข้าใจผู้ใช้ทั่วโลก ว่ากำลังพูดคุยถึงอะไรอยู่ สามารถโต้ตอบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และ AI ด้านรูปภาพ ที่จะช่วยวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ในภาพ เช่น จำนวนคนในรูป เพศอะไรบ้าง มีต้นไม้ สัตว์ สิ่งของอะไรบ้างในรูป หรือแม้กระทั่งรู้ว่า คนในรูป ใส่เสื้อผ้าของแบรนด์ไหน เป็นต้น